คีลิยัน เอ็มบัปเป้ กองหน้าที่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องแนะนำก็รู้ว่าแล้วเขาเก่งขนาดไหน และเป็นที่ต้องการของบรรดายักษ์ใหญ่ในวงการลูกหนังมากมาย ผลงานของเจ้าหนูเลือดเฟร้นช์รายนี้นับวันยิ่งพุ่งทะลุปรอท จนก้าวขึ้นมาเป็นว่าที่นักเตะหมายเลข 1 ของโลกในอนาคต
เจ้าหนูรายนี้ดังเป็นพลุแตกกับ โมนาโก ก่อนที่จะย้ายมาระเบิดฟอร์มสุดโหดกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในปี 2017 ซึ่งการเล่นให้ "เปแอสเช" ช่วยพัฒนาศักยภาพของเขาจนกลายเป็นหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดในยุโรป
เอ็มบัปเป้ คว้ารางวัลนักเตะแห่งปีของฝรั่งเศส, นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมในศึกฟุตบอลโลก 2018, คว้าแชมป์ ลีก เอิง กับ โมนาโก ในวัยแค่ 18 ปี และยิงไปแล้ว 90 ประตูตลอด 3 ซีซั่นที่สวมเครื่องแบบ แซงต์-แชร์กแมง
ต้องยอมรับว่า เอ็มบัปเป้ เป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในวัยเพียงแค่ 21 ปีเท่านั้น เพราะได้แชมป์ทั้งในระดับประเทศ และระดับชาติ (แชมป์ฟุตบอลโลก 2018) แล้วตอนนี้เขามีฝันที่ยิ่งใหญ่อะไรบ้างที่ต้องการจะทำ และชีวิตที่ต้องเผชิญในช่วงเวลาที่ไม่ปกติเป็นยังไง ไปลองติดตามกันดีกว่า
Q : การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดเปลี่ยนแปลงมุมมองในเรื่องฟุตบอลของคุณยังไงบ้าง ?
KM : ในช่วงเวลานี้ต้องวางเรื่องทัศนคติทุกอย่างลง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเราต้องเน้นความปลอดภัย โดยต้องให้ครอบครัวของเราและคนที่คุณรักปลอดภัย ฟุตบอลจะกลับมาแข่งอีกครั้งเมื่อทุกอย่างปลอดภัยแล้ว
Q : คุณอายุ 21 ปีเมื่อไม่นานมานี้ แต่คุณได้แชมป์ลีกฝรั่งเศสไปแล้ว 4 สมัย, และแชมป์ฟุตบอลโกล ..ตอนนี้คุณมีความทะเยอทะยานอะไรอีกไหม ?
KM : ผมพยายามที่จะประสบความสำเร็จกับทีมชาติ ในซีซั่นหน้า เรามีการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป และนั่นเป็นความมุ่งมั่นของเราที่จะคว้าชัยชนะให้ได้ ผมยังมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่นั่นก็คือการคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) และเป็นส่วนหนึ่งของ เปแอสเช ที่ได้แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ครั้งแรกซึ่งมันคงเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ
Q : คุณมีแรงกระตุ้นในการคว้าเกียรติส่วนตัวอย่างเช่นการท้าทายรางวัลบัลลงดอร์ ไหม ?
KM : มันคงเป็นเรื่องที่ดีเยี่ยมหากได้รางวัลนี้ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ผมจะทำได้ในชั่วข้ามคืน ผมไม่คิดว่าผมต้องได้รางวัลนี้ในฤดูกาลหน้า หรือซีซั่นหลังจากนั้น มีเวลาอีกเหลือเฟือสำหรับผลที่จะได้รางวัลนี้ เป้าหมายแรกของผมก็คือทุ่มเทเต็มที่ให้กับ เปแอสเช และทีมชาติ จากนั้นหากได้รางวัลส่วนตัวจากฟอร์มการเล่นของผม นั่นก็คือเป็นโบนัส
Q : แม้ว่าคุณจะประสบความสำเร็จทุกอย่างแล้ว คุณก็ยังคงอยู่ในช่วงต้นของอาชีพเท่านั้น คุณมีมุมมองเกี่ยวกับฟอร์มการเล่นที่คุณอยากพัฒนาอีกไหม ?
KM : ผมพยายามมองหาการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ผมมีโอกาสได้ลงเล่นกันนักเตะที่มีประสบการณ์มากมายทั้งกับทีมชาติ และที่ เปแอสเช ผมมักจะคอยเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองตลอดเวลา
Q : คุณมีใครเป็นต้นแบบในการพัฒนาตัวเอง ?
KM : คนแรกก็ต้อง (ซีเนดีน) ซีดาน กับความสำเร็จทุกๆ อย่างที่เขาได้รับกับทีมชาติ และจากนั้นก็ (คริสเตียโน่) โรนัลโด้ เขาคว้าแชมป์มากมาย และยังคงได้แชมป์อย่างต่อเนื่องหลังจากที่ประสบความสำเร็จเป็นว่าเล่น พวกเขาทั้งสองคนได้สร้างประวัติศาสตร์เอาไว้ และผมอยากที่จะสร้างประวัติศาสตร์ของผมด้วยเช่นกัน
Q : ช่วยบอกเราซักหน่อยเกี่ยวกับแรงปรารถนาและความมุ่งมั่นของคุณเพื่อจะช่วยบรรดานักเตะดาวรุ่งในอนาคต ?
KM : เด็กๆ มีฝันมากมาย และผมอยากช่วยเด็กๆ ให้ใช้ชีวิตอยู่กับความฝันของพวกเขา มีเด็กๆ หลายคนซึ่งมีศักยภาพสูงมาก แต่พวกเขาไม่มีเงินหรือโอกาสที่จะได้เติบเต็มศักยภาพเหล่านั้น ตอนที่ผมเด็กๆ ผมมักจะเฝ้าดูไอดอลของผม และตอนนี้ผมไม่ใช่แค่อยากให้บรรดาดาวรุ่งเฝ้ามองที่ผมเท่านั้น แต่อยากให้รู้ว่าผมใส่ใจที่อยากจะช่วยสร้างความแตกต่างในชีวิตของพวกเขาด้วย
Q : การที่ต้องลงแข่งแบบไม่มีกองเชียร์ในเกมพบ ดอร์ทมุนด์...มันยากลำบากแค่ไหนกับการลงเล่นโดยที่ไม่มีแฟนบอลไปอีกนาน ?
KM : แฟนบอลเป็นส่วนสำคัญของเกม และหากลงเล่นโดยที่ไม่มีพวกเขามันคงทำให้นักเตะรู้สึกแปลกๆ นี่เป็นช่วงเวลาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และความปลอดภัยของทุกๆ คนต้องมาเป็นอันดับแรก
Q : คุณสนใจชมเกมพรีเมียร์ลีกไหม ?
KM : ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล เป็นเหมือนกับเครื่องจักรในพรีเมียร์ลีก ดูเหมือนพวกเขาจะเก็บชัยชนะได้อย่างง่ายดาย แต่จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พวกเขาทำผลงานได้โหดขนาดนี้เพราะพวกเขามีผู้จัดการทีมที่เก่งมากๆ และฝึกซ้อมอย่างหนัก ฟอร์มการเล่นแบบพวกเขามันยากที่จะทำได้จริงๆ
จากคำถามสุดท้ายที่หยอดเอาไว้ และคำตอบของ เอ็มบัปเป้ อาจเป็นการเปิดช่องทางเล็กๆ ให้สาวก "เดอะ ค็อป" ได้พอมีลุ้นกันว่านักเตะมีใจให้กับ "หงส์แดง" และหากมีการยื่นข้อเสนออย่างจริงจัง ก็ไม่แน่ว่าเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อาจจะเป็นไปได้ก็ได้.....ใครจะไปรู้
เพิ่มเติม : bebezahara.com
|