“อ๋อ”ศักดา เจิมดี อดีตทีมชาติชุดใหญ่และนักเตะชุดประวัติศาสตร์เยาวชน 17 ปี ชิงแชมป์โลก ปี 1999 ที่ประเทศนิวซีแลนด์ ภายใต้การคุมทัพของ “น้าติ๊ก”สมชาติ ยิ้มศิริ ซึ่งเป็นชุดที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการฟุตบอลไทยหลังปรับโฉมทีมในรอบสุดท้ายของการลงเล่นชิงแชมป์โลก อดีตที่ผ่านมายอดแข้ง จาก อ.แกลง จ.ระยอง ถือว่าเป็นยอดนักสู้ชีวิตเขาเกิดในครอบครัวเกษตรกรอยากเป็นนักกีฬาเล่นกีฬาเกือบจะทุกๆประเภท โดยเฉพาะการเป็นนักมวยไทยช่วงวัยเด็กก่อนที่หนทางชีวิตจะนำพาไปสู่ฟุตบอลอาชีพและเส้นทางของทีมชาติไทย
การออกเดินทางตามล่าหาความฝัน “อ๋อ”ศักดา เจิมดี เริ่มเดินหน้าลุยตั้งแต่อายุ 13 ปี ออกจากบ้านที่ระยองมุ่งหน้าสู่โรงเรียนแสนสุข จ.ชลบุรี ย่างก้าวเข้าสู่วัย 15 ปี ก็เป็นนักเตะโรงเรียนดังสวนกุหลาบวิทยาลัย ไม่นานก็มีชื่อติดทีมเยาวชน 17 ปีไปชิงแชมป์โลกที่นิวซีแลนด์ และพัฒนาตัวเองสู่ทีมชาติชุดใหญ่ลงเล่นครบทุกรายการ นอกจากนั้นบนเส้นทางฟุตบอลอาชีพยังถือว่าเป็นลูกหม้อระดับตำนานของสโมสร”พลังเอ็ม”โอสถสภา ก่อนที่จะโยกไปค้าแข้งต่างแดนในเวียดนามกับสโมสรฮองอันยาลาย หนึ่งทศวรรษเศษพร้อมกับเรื่องราวฮือฮา!ถือพาสสปอร์ต 2 ใบ (เวียดนาม,ไทย) การถือสัญชาติเวียดนามครั้งนั้นเหตุผลหลักๆคือการเล่นฟุตบอลอาชีพที่เวียดนามเพราะลีกเริ่มมีการจำกัดโควตาต่างชาติ
การออกไปค้าแข้งต่างแดนหนึ่งทศวรรษเศษจากเงินเดือนหลักหมื่นก็เริ่มขยับไปถึงหลักแสนชีวิตนักฟุตบอลย่อมต้องวางแผนอนาคตให้ตัวเองและครอบครัว “อ๋อ”ทยอยนำเงินจากฟุตบอลมาซื้อที่ดินใน อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ บ้านแฟนสาว 10 กว่าไร่ พร้อมกับลงทุนทำสวนปาล์มแบบจริงจัง จากที่ดินที่ตัวเองลงทุนซื้อ 10 กว่าไร่เศษ บวกกับที่ดินของแฟนอีกจำนวนหนึ่งๆรวมๆแล้วสวนปาล์มแห่งนี้มีเนื้อที่ 30 ไร่เศษ คิดว่าตรงนี้จะเป็นแหล่งทำมาหากินหลังเลิกเล่นแบบจริงจัง เงินที่ถูกเก็บมาตลอดชีวิตถูกแปรรูปเป็นสวนปาล์มไม่ใช่เพียงที่ดิน ยังต้องลงทุนพันธุ์,รถไถ จิปาถะในเรื่องของการวางระบบแม้ว่าจะค่อยๆจ่ายลงมารวมๆแล้วเงินที่เก็บไว้ก็แทบเกลี้ยงบัญชี
จำนวนเงินที่เทลงไป 10 ล้านเศษ ถูกฝากความหวังไว้กับสวนปาล์มมันคือทุ่งแห่งความฝัน แต่การทำธุรกิจการเริ่มต้นย่อมต้องเจออุปสรรคเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นคำว่ามือใหม่มีสิ่งต้องเรียนรู้มากมายจากที่คิดว่ามันจะออกดอกออกผลตามภาพที่คิดไว้กลับเป็นต้องเจอกับวิกฤตใหญ่เมื่อราคาปาล์มตกต่ำ เงินที่ลงไปยังไม่ได้คืนแถมเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของอาชีพการค้าแข้งหลังเดินทางกลับมาจากเวียดนาม อะไรที่ไม่เคยทำก็ต้องทำให้หมดทั้งเรื่องของการขับรถไถ ,วางระบบสวน,ฉีดยาฆ่าแมลง,ศึกษาแนวทางสวนปาล์ม ฯทุกอย่างไหลรวมลงมาจนเกิดเป็นความเครียดเพราะยังไม่มีเม็ดเงินกลับคืนมาเงินที่ทยอยลงทุนไปกลัวมันจะหายไปกับตา สภาวะนั้นเครียดหนักคิดถึงคำว่าสิ้นเนื้อประดาตัว
แต่พอลำดับความคิดใหม่หลายๆอย่างค่อยๆคิดค่อยแก้ปัญหาที่ละจุดอันดับแรกย้อนคิดก่อนว่าเงินที่ลงไปแม้ว่าปาล์มจะไม่สำเร็จแต่ที่ดินก็ยังอยู่แถมมีครอบครัวคอยให้กำลังใจ โชคดีที่ได้เพื่อนรุ่นพี่มาช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับปาล์มเหมือนเทวดามาโปรดเลยบอกรายละเอียดทุกอย่างทั้งเรื่องของตลาด,การดูแลปาล์มที่ถูกโรคต่างๆเล่นงาน รวมไปถึงแนวคิดอื่นๆ สุดท้ายประโยคหนึ่งที่ทำให้ผ่อนคลายคือ “การลงทุนคือความเสี่ยง” แต่ความเสี่ยงสามารถบริหารได้ด้วยวิธีการ จากแย่ๆจนแทบหมดตัวตอนนั้นก็ค่อยๆฟื้นขึ้นมาจนดีขึ้นถึงทุกวันนี้ตลาดปาล์มมีทางออกหลายอย่างนอกจากการขายพันธุ์ปาล์ม,เมล็ดปาล์ม ยังสามารถขายต้นสำหรับการจัดสวนราคาก็ขึ้นอยู่กับลักษณะต้นพันธุ์ การเรียนรู้คือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการทำธุรกิจบางครั้งต้องใส่ใจทุกองค์ประกอบเช่นการทำสวนปาล์มยิ่งลงมือทำเราจะยิ่งเห็นปัญหาทุกปัญหามันค่อนข้างละเอียดต้องพร้อมสู้กับมันแล้วแก้ไขปัญหาไปเรื่อยๆ ถ้าใจเราไม่ยอมแพ้ทุกอย่างก็ไม่แพ้
เพิ่มเติม : lepashmina.com
|