[x] ปิดหน้าต่างนี้
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป   
English Chinese (Simplified) Chinese (Traditional) French German Italian Japanese Korean Portuguese Russian Spanish Vietnamese Thai     
ค้นหา   
เมนูหลัก
ติดต่อสอบถาม
blog สมาชิก
สถิติผู้เขียน blog 10 อันดับ
wave
[ มือใหม่ ]
2
admin
[ มือใหม่ ]
2
orean
[ มือใหม่ ]
2
KAT
[ มือใหม่ ]
1
yuy
[ มือใหม่ ]
1
aTon
[ มือใหม่ ]
1
fang
[ มือใหม่ ]
1
film
[ มือใหม่ ]
1
mild
[ มือใหม่ ]
1
Donus
[ มือใหม่ ]
1
บทความ blog ล่าสุดโดย
เพลงคริสต์มาสtortae
การดูแลรักษาสุภาพ ให้แข็งแรงaTon
ประเพณีวันเข้าพรรษาmild
พบจุดที่หนาวที่สุดในโลกเเห่งใหม่ !!orean
พบจุดที่หนาวที่สุดในโลกเเห่งใหม่ !!orean
อาเซียนDonus
การวาดภาพสีนำ้lovepop-123456
อาเซียนmikekung02
ลดความอ้วนสูตรนางเอก 5 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์yuy
ปรากฏการณ์ธรรมชาติMin-Mintra
ไลน์ โรงเรียนศรัทธาฯ

ติดต่อ สอบถาม

poll

   คุณคิดว่าเวปนี้เป็นอย่างไร


  1. ดีมาก
  2. ดี
  3. ปานกลาง
  4. แย่
  5. แย่มาก

  

   เว็บบอร์ด >> >>
การเกิดบิกแบง ตอนที่ 3  VIEW : 998    
โดย ฒฒ

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 1
ตอบแล้ว : 1
เพศ :
ระดับ : 1
Exp : 40%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 107.150.23.xxx

 
เมื่อ : ศุกร์ ที่ 13 เดือน กันยายน พ.ศ.2562 เวลา 22:11:19   

เกิดก็ต่อเมื่อระยะทางเฉลี่ยระหว่างอนุภาคต้องน้อยกว่าคลื่นเดอร์บอล์ย) ที่เป็นการรวมตัวกันแน่นของกราวิตอนอาจ จะก่อตัวมาก่อนหน้านั้นและไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นทั้งสสารมืดและพลังงานมืด ในปลายปี 1990 มีแนวโน้มว่าสามารถจะค้นคว้าต่อยอด ส่วนประกอบของสสารที่ยากที่จะอธิบายได้เหล่านี้ ในจักรวาลมีประมาณ 25%

และ 70% ตามลำดับ ซึ่ง Bose-Einstein Condensation: BEC (การเปลี่ยนสถานะอย่างหนึ่ง ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่ออนุภาคหรือสสารถูกทำให้เย็นลงจนถึงจุดๆ หนึ่ง BEC จะในเรื่องอื่นๆได้อีกในอนาคต รศ.ดร.อรรถกฤติ หรือมันอาจจะถูกสร้างขึ้นมาก่อนหน้า ซึ่งทฤษฎีจะสามารถอธิบายถึงจุดกำเนิดของสสารมืดและพลังงานมืดได้ ฉัตรภูติ รศ.ดร.อรรถ

กฤติ ฉัตรภูติ นักฟิสิกส์ ทฤษฎี อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถ้าจะให้นักวิทยาศาสตร์สนใจโมเดลใหม่นี้ต้องตั้งแต่ของไหลสร้างพลังแผ่ออกไปในอวกาศตลอดเวลา เมื่อ นักวิจัยทำการตั้งค่ามวลของกราวิตอน พวกเขาต้องกำหนดความหนาแน่นของของไหลให้เท่ากับสสารมืดที่สำรวจได้ในจักรวาล ซึ่ง

ผลลัพธ์ที่ได้จากการศึกษาเป็นที่น่าพอใจ และให้คำทำนายอื่นที่ต่างจากบิกแบง นักดาราศาสตร์พบว่าการขยายตัวของจักรวาลถูกกระตุ้นเนื่องจากพลังงานมืดที่มีมาก่อนหน้า ซึ่งโมเดลนี้มีศักยภาพที่จะอธิบายได้ มีคนเสนอแนวคิดใหม่ๆ แทบทุกวัน แต่แนวคิดที่คนสนใจและเชื่อถือต้องสอดคล้องกับการสังเกตการณ์ซึ่งปัจจุบันบิกแบงเป็นแบบนั้น

บิกแบงเคยเกิดขึ้นจริงหรือ ?? ควอนตัมโมเดลทำนายว่าจริงๆแล้ว  The Science of Interstellar กล่าวว่า " เป็นหนึ่งในข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น แต่คงต้องรอการตรวจสอบจากโมเดลอื่นที่มีทฤษฎีหรือให้คำ ทำนายแบบเดียวกัน ที่สำคัญคือ ตอนนี้ข้อมูลและหลักฐานต่างๆที่เรามีสนับสนุนทฤษฎีบิกแบง จักรวาลไม่มีจุดกำเนิดและไม่แม้แต่จะอธิบายและผู้

แปลหนังสือมหัศจรรย์ทฤษฎีสตริงและทอถักจักรวาล และจะเปิดตัวล่าสุดเร็วๆนี้กับถึงพลังงานมืดได้ และปัจจุบันฟิสิกส์ก็ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างบิกแบง ซึ่งทฤษฎีใหม่ที่เพิ่งเผยแพร่นี้ได้รวมเอาทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปกับกลศาสตร์ควอน ตัมเข้าด้วยกัน และจากสมการคำนวณพบว่า อนุภาคควอนตัมนั้นไม่เคยถูกค้นพบ

ศ.ชัวร์ยา ดาส จากมหาวิทยาลัยเลธบริดจ์ของแคนาดา กล่าวว่าในเมื่อที่ผ่านมาจุดที่แตกต่างกันในจักรวาลไม่เคยเข้ามาหากัน ดังนั้นก็ถือว่าไม่มีจุดเริ่มต้น ดังนั้นโมเดลนี้จึงมีศักยภาพพอที่จะอธิบายถึงพลังงานมืดตั้งแต่เมื่ออนุภาคค วอนตัมเริ่มสร้างพลังแผ่ออกไปในอวกาศ เพราะตามทฤษฎีของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ จักรวาลของเรามีอายุราว 13.8

พันล้านปี และก่อกำเนิดขึ้นจากอนุภาคขนาดเล็กจำนวนมหาศาลที่เกิดจากบิกแบง ซึ่งส่วนใหญ่คนยอมรับในโมเดลที่ว่านี้ แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังคงไม่สามารถอธิบายได้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในซิงกู ลาริตี หรืออะไรคือสิ่งที่มีมาก่อนซิงกูลาริตี Our universe, according to Einstein's theories, is around 13.8 billion years old and formed from an

infinitely small point during the Big Bang (illustration pictured) While most people accept this model, scientists still can't explain what happened inside this tiny point - called a singularity – or what came before it ดังนั้น ดาส และอาเหม็ด ฟารัก อาลี จากมหาวิทยาลัยเบนฮาในอียิปต์ จึงออกมาแสดงโมเดลใหม่ที่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงโมเดลเก่าโดยสิ้นเชิง โดยกล่าวว่าบิกแบงนั้นไม่เคยเกิดขึ้น และจักรวาลของเราไม่มีจุดเริ่ม ต้น

และจุดจบ คณิตศาสตร์ และทฤษฎีบิกแบงนั้นใช้ไม่ได้ด้วยตัวมันเองเพราะความไม่มีขอบเขต และอีกนัยหนึ่งนั้นการทำนายของทฤษฎีบิกแบงได้สิ้นสุดลงแล้วด้วยตัวมันเองเพราะไม่สามารถอธิบายได้ว่าจุดเริ่มต้นนั้นมาจากที่ใด ซึ่งในการแก้ปัญหาทางฟิสิกส์เหล่านี้ เขาจึงได้รวมเอาทฤษฎีสัมพัทธภาพซึ่ง อธิบายถึงแรงรอบตัวเรา เข้ากับกลศาสตร์ค

วอนตัม โดยใช้สมการของเดวิด บอห์ม นักฟิสิกส์ผู้เคยพยายามใช้ทฤษฎีควอนตัมอธิบายระยะที่สั้นที่สุดระหว่างจุด 2 จุดบนพื้นผิวโค้งแทนสมการทั่วไป และนำสมการนี้รวมกับสมการของศาสตราจารย์เอมาล คูมาร์ เรย์ชอดูห์รี ซึ่งอธิบายความเป็นของไหลของอนุ ภาคเล็กๆที่กระจายอยู่ทั่วอวกาศ ของไหลนี้คือรูปแบบควอนตัมของแรงดึงดูด

ระหว่างมวล ซึ่งเรียกว่ากราวิตอน พวกเขาแสดงให้เห็นว่าวิถีโคจรนั้นไม่เหมือนเส้นทางเดิมที่อนุภาคเคยเคลื่อนที่ เพราะอนุภาคควอนตัมนั้นไม่เคยถูกค้นพบ ในอดีตจุดต่างๆในอวกาศไม่เคยมาบรรจบกัน เพราะมันไม่เคยเกิดขึ้นและ ไม่มีจุดสิ้นสุด พูดง่ายๆคือไม่มีซิงกูลาริตี ถ้าไม่มีทฤษฎีบิกแบง แล้วจักรวาลของเรามีความเป็นมาอย่างไร ? ดาส คาดว่าจักรวาลนั้นไม่มีจุดจบ

รวบรวมเนื้อหาโดย UFA369 เว็บเกมส์ UFABET อันดับ 1 ของไทย
สมัคร แทงบอลออนไลน์ และ คาสิโนออนไลน์ ที่ดีที่สุด