เราจำเป็นต้องแบ่งสิวออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1 สิวที่เป็นเองในวัยรุ่น
2 สิวที่เกิดจากการใช้เครื่องสำอาง หรือยาต่างๆ
ในประเภทแรก เราพบว่ากรรมพันธุ์มีส่วนมากในการกำหนดว่าเราจะเป็นสิวหรือไม่ ถ้าคุณพ่อก็เป็นคุณแม่ก็เป็น เราจะมีโอกาสเป็นสิวสูงมาก
การรักษาสิวประเภทนี้มีจุดมุ่งหมายสำคัญคือ
1 ป้องกันการเกิดรอยแผลเป็น
2 ทำให้สิวหายหรือยุบไปโดยเร็ว
3 ป้องกันการเกิดสิวอีก
4 การรักษารอยแผลเป็นให้ดีขึ้น
การป้องกันการเกิดรอยแผลเป็นได้แก่
- หยุดแกะ บีบ นวด ซึ่งจะทำให้เกิดรอยได้มาก
- ใช้ยากินหรือยาทาที่ทำให้สิวอักเสบหยุดโดยเร็ว
การทำให้สิวหายหรือยุบโดยเร็ว ได้แก่
- การกินยาปฏิชีวนะ ประเภท เตตร้าซัยคลีน หรืออิริโธรมัยซิน ในขนาด 500 – 1,000 มก ต่อวัน (วันละ 2-4 เม็ด) นาน 6 เดือน
- การทายาซึ่งช่วยการยุบตัวของสิว เช่น ยาประเภทโลชั่นที่เข้ากำมะถัน ยาประเภทเบนซอยด์เปอร์ออกไซด์ขนาด 5- 10 เปอร์เซ็นต์
การป้องกันการเกิดสิวอีกได้แก่
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางหรือครีมทาผิวต่างๆ
- ใช้ยาทาประเภทกรดวิตามินเอ ในขนาด 0 25 – 0 5 มก % วันละครั้งก่อนนอน
การรักษารอยแผลเป็น เป็นวิธีการพิเศษซึ่งต้องอาศัยกรรมวิธีพิเศษบางอย่างเพื่อทำให้รอยแผลเป็นดีขึ้น วิธีการนี้จะทำได้เฉพาะแพทย์ทางโรคผิวหนังหรือศัลยแพทย์ตกแต่งบางท่านซึ่งได้ฝึกฝนมาเป็นพิเศษเท่านั้น ซึ่งมีวิธีการยุ่งยาก มีปัญหาหลายๆ อย่างและค่าใช้จ่ายสูง
ส่วนวิธีซึ่งทำกันตามร้านเสริมสวย เช่น ขัดหน้า ลอกหน้า นวดหน้า กรอหน้า ตามที่มีการโฆษณา กันตามสื่อมวลชนนั้นไม่ได้ผล และยังอาจเกิดปัญหาแทรกซ้อนจนเสียโฉมได้
สิวที่เกิดจากเครื่องสำอางมีวิธีรักษาและป้องกันอย่างไร?
เครื่องสำอางที่เป็นสาเหตุของสิวมากที่สุดในปัจจุบันได้แก่ ครีมทาฝ้า ลอกฝ้าทั้งหลาย ซึ่งมีการใช้แพร่หลายกันมากขึ้น นอกจากนี้ก็พบจากครีมบำรุงผิว ครีมรองพื้น แป้งขัดหน้า
การรักษาสิวชนิดนี้สำคัญที่สุดคือ
- จะต้องหยุดสาเหตุ เช่น เครื่องสำอางนั้นเสีย
- อาจจำเป็นต้องใช้ยาทาหรือยากิน เหมือนอย่างในสิวประเภทแรก
มีปัญหาเรื่องสิว ผิวไม่กระจ่างใส Kanda Beauty ช่วยคุณได้
แนะนำ เจลแต้มสิว คามูคามูซองเดียวจบทุกปัญหาสิว
|