
เอริก คันโตน่า คือบุรุษผู้เปลี่ยนประวัติศาสตร์แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการคืนสู่ความยิ่งใหญ่ของ "ผีแดง" แต่เรื่องราวเหล่านี้อาจจะไม่เกิดขึ้นหาก "ปีศาจแดง" ไม่มีนักเตะที่ชื่อ ลี มาร์ติน ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นั่งกุมบังเ***ยนทีมต่อไป จนกระทั่งกลายเป็นตำนานในปัจจุบัน
การมาของ "ก็องโต้" ช่วยทำให้ "เร้ด เดวิลส์" ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 1992/93 ซึ่งเป็นครั้งแรกในการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษในรอบ 26 ปีก่อนจะนำไปสู่การครองอำนาจลูกหนังเมืองผู้ดีเกือบ 3 ทศวรรษ
อย่างไรก็ตามความยิ่งใหญ่ระดับตำนานแบบนี้อาจจะไม่มีหากไม่ได้ประตูทองของ "มาร์ติน" ในนาทีที่ 59 ส่งให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ปราบ คริสตัล พาเลซ ในเกมนัดรีเพลย์ ศึกเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ส่งให้พวกเขาคว้าแชมป์และเป็นโทรฟี่แรกของ "ป๋า" ในการกุมบังเ***น "ผีแดง" ในปี 1990
ต้องบอกเลยว่านั่นคือแชมป์ที่สำคัญมากๆ สำหรับ กุนซือเลือดวิสกี้ เพราะเจ้าตัวกำลังตกอยู่ในสถานการณ์กดดัน เพราะนับตั้งแต่เข้ามากุมบังเ***ยนในปี 1986 เขาไม่สามารถพาทีมลืมตาอ้าปากได้อย่างที่บอร์ดบริหารคาดหวังเอาไว้
ในฤดูกาล 1989/90 แมน ยูไนเต็ด จบในอันดับ 13 แถมยังมีบางช่วงที่ไร้ชัยชนะในเกมลีกถึง 11 แมตช์ และนำไปสู่การประท้วงของสาวก "เร้ด อาร์มี่" ระหว่างเกมลีกที่แพ้ พาเลซ คาบ้าน ในเดือนธันวาคม พร้อมกับเรียกร้องให้ ไบรอัน ร็อบสัน ซึ่งเป็นกองกลางตัวหลักของทีม ก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมแทน
อย่างไรก็ตามบอร์ดบริหารยังคงเชื่อมั่นในแนวทางการทำงานของ "เฟอร์กี้" และยืนกรานว่าเขาจะได้รับโอกาสนั่งกุมบังเ***ยนต่อไป แต่ในขณะเดียวกันหากจบฤดูกาลดังกล่าว กุนซือเลือดวิสกี้ ไม่มีแชมป์ติดไม้ติดมือ ก็ไม่แน่ว่าเขาจะได้อยู่กับทีมต่อไปหรือเปล่า
สำหรับตอนนี้ผ่านมา 30 ปีกับแชมป์รายการแรกของ เฟอร์กูสัน ก่อนจะนำมาสู่แชมป์มากมายมหาศาล 38 โทรฟี่หลักที่เขานำมาสู่รั้วโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดย มาร์ติน ยอมรับว่าทุกครั้งที่นึกถึงวันแห่งความสุขเมื่อ 3 ทศวรรษที่สนามเวมบลีย์ ก็ยังแฮปปี้สุดๆ
เพิ่มเติม : chrisjerde.com
|