เบติส-บาร์ซ่า ประสบการณ์ไม่รู้ลืมจาก bein และ LaLiga
 

เรอัล เบติส-บาร์เซโลน่า ลงเล่นเป็นเกมปิดท้ายสัปดาห์ที่ 23 ของ ลา ลีกา
     แน่นอนว่าโฟกัสอยู่ที่ บาร์เซโลน่า ผู้มาเยือน ซึ่งกำลังจะลงสนามไปพร้อมๆกับความกดดัน   จาก 3 คะแนนแบบหล่อๆของ ซีเนดีน ซีดาน และลูกทีมที่ เอล ซาดาร์ ด้วยการถล่ม โอซาซูน่า 4-1

     กีเก้ เซเตียน ไม่มีทางช้อยส์อื่น นอกจาก 3 แต้ม ไม่เช่นนั้นก็เตรียมตัวรอพายุไซโคลนได้เลย

     กระนั้นก็ตาม กุนซือวัย 61 ก็ไม่ได้ดูขึงขังจริงจังหรือกังวลอะไร ระหว่างผมกำลังเดินออกจากอุโมงค์ไปลงตรงขอบสนาม ก็เห็นเขายังยิ้มแย้มคุยสนิทชิดเชื้อกับทีมบริหารของ เรอัล เบติส อยู่เลย
     ขอบคุณ @beinsportsthailand และ @LaLiga สำหรับประสบการณ์สุดพิเศษเช่นนี้ เพราะนอกจากจะได้ลงไปสัมผัสบรรยากาศของ เบนีโต้ บียา มาริน ถึงริมสนาม ก่อนหน้านั้น ก็เพิ่งจะได้ยืนชมการเดินเข้าห้องแต่งตัวของนักเตะบาร์เซโลน่าทั้งทีม ....ใครพลาด หรือ อยากดูซ้ำ ไปหาดูได้ใน live สด เพจสยามสปอร์ต (@siamsport) ครับ ลองเลื่อนๆดู จะเห็นแบบเต็ม

วกกลับมาที่ เซเตียน ที่นอกจากจะดูรีแลกซ์แล้ว แม้วันนี้เขาจะกลับมาในฐานะคู่แข่ง ด้วยเป้าหมายเอาชนะทีมเดิมให้ได้ แต่กองเชียร์เบร์ดิบลังโก้ (เขียวขาว) กลับให้ความต้อนรับอย่างอบอุ่น ยามกุนซือบาร์ซ่าปรากฏตัว เสียงปรบมือดังกระหึ่มทั้งสนาม แสดงให้เห็นมิตรไมตรีอันดีระหว่างกัน 

     แฟนเบติสน่ารักครับ ดูมีน้ำใจ แต่ที่พวกเขาดูเหมือนว่าไม่มีทางให้อภัยเลยก็คือ โฆเซ่ มาเรีย ซานเชซ มาร์ติเนซ เชิ๊ตดำชาวลอร์ก้าที่โดนตั้งป้อมโห่ตั้งแต่เริ่มออกมาวิ่งวอร์มพร้อมกับทีมผู้ช่วย

     ยอมรับว่าตอนนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงว่าแฟนเบติส กับ มาร์ติเนซ ไปหมางใจกันตอนไหน สอบถามแฟน VIP ที่ลงไปใน pitch ด้วย แกก็ส่ายหัวบอกไม่รู้เช่นกัน  ซึ่งเช่นนี้แฟนบาร์ซ่าที่มองว่ากรรมการเข้าข้างเจ้าถิ่นน่ะ ก็ควรคิดในมุมกลับด้วย เพราะแฟนเบติสเกลียด มาร์ติเนซ อย่างกับอะไรดี

     สลับมาที่ตัวผม นี่เป็นครั้งที่ 2 ในชีวิตที่ได้ไลฟ์สดจากริมสนาม มันใกล้ชนิดว่าเห็นขนหน้าแข้งนักเตะทุกคน ซึ่งก็มีทั้งเพจ @siamsport และ เพจส่วนตัว @เจมส์ ลา ลีกา เรียกได้ว่า ตื่นเต้นสุดๆไปเลย ทั้งคนดู-คนไลฟ์ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่คิดว่าจะได้เห็น หรือ สัมผัสกับกับบรรยากาศที่มันใกล้จนกลิ่นหญ้าโชยเช่นนี้

……………………

     ในเกมการแข่งขัน เซเตียน ไม่มี เคราร์ด ปีเก้ ที่ติดโทษแบน คู่เซนเตอร์จึงต้องใช้ เกลม็อง ล็องเล่ต์ กับ แซม อุมตีตี้ ส่วนฟูลแบ็ก ทำเซอร์ไพรส์ ด้วยการส่ง จูเนียร์ ฟีร์โป ลงเป็นตัวจริงแทน ยอร์ดี้ อัลบา ส่วนแดนกลางเอา อาร์ตูโร่ วีดัล กับ เซร์จี้ โรเบร์โต้ ลงไปช่วยงาน แฟร้งกี้ เดอ ยองก์ กับ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ แล้ววาง เลโอ เมสซี่  ยืนคู่หน้ากับ อองตวน กริซมันน์ ภายใต้ระบบ 4-4-2 ทำให้ ไอ้หนูอันซู ฟาติ เป็นเพียงแค่ตัวสำรอง

     ส่วนฝั่ง เบติส เจ้าถิ่น ฟรานเซส รูบิ วางระบบ 4-3-3 แผงหลัง 4 แต่โดยแท็คติก เวลารับ กุยโด้ โรดริเกซ มิดฟิลด์ตัวรับจะลงมาต่ำมาก เหมือนเป็นเซนเตอร์ตัวที่ 3 คอยช่วยงาน มาร์ค บาร์ตร้า กับ ไอซ่า มานดี้

     เกมรุก นาบิล เฟคีร์ ยืนกองหน้าฝั่งขวา ซ้าย เซร์คิโอ กานาเลส และ หน้าเป้า บอร์ฆา อิเกลเซียส ส่วนที่น่าสนใจคืออย่างคือตรงกลางมี การ์เลส อาเลนญ่า ได้ลงเจอต้นสังกัดตัวเอง

เบติส ขึ้นนำก่อนจากจุดโทษ ซึ่งลูกนี้ โฆเซ่ มาเรีย ซานเชซ มาร์ติเนซ ทำท่าจะไม่ใช่ แต่สุดท้ายตัดสินใจวิ่งไปเช็กหน้าจอ VAR ก่อนกลับคำตัดสินให้เป็นจุดโทษ

     ถือเป็นคำตัดสินที่ถูกต้องแล้ว จุดสำหรับ เบติส และ ใบเหลืองสำหรับ ลองเล่ต์ เพราะลูกยิงของ เฟคีร์ โดนมือปราการหลังฝรั่งเศสชัดเจน ก่อนที่ กานาเลส จะสังหารเข้าไปไม่พลาด เบติส ขึ้นนำ แต่ทุกคนรู้ดีว่าเกมไม่จบง่ายๆแน่

     บาร์ซ่า อาจดูเสียขบวนไปบ้าง แต่ก็ใช้เวลาไม่นานก็กลับมาได้ ก่อนจะดีเสมอจากการประสานงานที่สุดยอดระหว่าง เดอ ยองก์ กับ เมสซี่

    ลูกนี้ มิดฟิลด์ดัตช์แก้ไขหลุดการเพรสซิ่งออกมาได้จากแดนตัวเอง ก่อนต่อบอลไปจนถึง เมสซี่ และพุ่งเข้าไปในกรอบเขตโทษด้วยจังหวะที่พอเหมาะพอเจาะ เดอ ยองก์ พักด้วยอก และกดด้วยซ้ายอย่างสวยงามตีเสมอเป็น 1-1

     สำหรับ เบติส คนที่โดดเด่นอย่างมากในช่วงครึ่งแรกคือ เฟคีร์ เขาป่วนจนเกมรับกราบขวาของ บาร์ซ่า ระส่ำ ทั้งเทคนิค ความคล่องตัว รวมถึงวิชั่นส์ในเกมที่ยอดเยี่ยม ที่สำคัญกองกลางดีกรีแชมป์รู้จักฉวยโอกาสจากช่องว่างในแนวรับของ บาร์ซ่า ได้ดี

     เฟคีร์ ยิงให้ เบติส นำอีกครั้ง 2-1 เป็นลูกยิงที่เด็ดขาด บอลพุ่งวาบแทยงมุมเข้าเสาไกล หมดสิทธิ์ที่ แทร์ ชตีเก้น จะรับเซฟไหว บรรยากาศใน เบนีโต้ บียามาริน กลับมาคึกคักอีก แต่แล้ว จุดพลิกผันสำคัญของเกมก็เกิดขึ้น

เบติส ควรจะเดินเข้าห้องแต่งตัวด้วยการขึ้นนำ แต่พวกเขาก็ยังพลาดในจังหวะเซตพีซให้ บุสเก็ตส์ เก็บตกในกรอบยิงจ่อๆเข้าไป สกอร์ 2-2 โมเมนตัม ของ บาร์ซ่า จึงกลับมาอีก และ ลงเล่นในช่วงที่เหลือด้วยความกดดันที่น้อยลงเอามากๆ

     ครึ่งหลัง เบติส ดร็อปลงไป ลดความดุดันลงเมื่อเดินหน้า สาเหตุมาจากอาการล้าที่ใช้แรงไปเยอะในครึ่งแรก นี่คือสิ่งที่ทีมเล็กที่คุณภาพน้อยกว่าต้องเจอ เพราะการเล่นกับ บาร์ซ่า หากคุณไม่ไล่ ไม่บี้ ไม่ดุดันในทุกจังหวะที่เข้าสกัด คุณก็จะกลายเป็นเหยื่อ และนั่นเองที่ทำให้ บาร์ซ่า เริ่มดีขึ้น

     และความผิดพลาดในลูกเซตพีซ สมาธิที่เสียไปก็ทำให้เจ้าถิ่นต้องพ่ายแพ้ ล็องเล่ต์ ขึ้นเทคได้สูงกว่า กุยโด้ โรดริเกซ ที่พลังหายไปเกินครึ่ง จากการเล่นทั้งตรงกลางและแนวรับ บอลย้อนศรผ่าน โรเบลส ตุงตาข่าย

     ประตูชัยของ บาร์ซ่า มาจาก ล็องเล่ต์ แต่คนที่มหัศจรรย์อีกแล้วคือ เมสซี่ เพราะมันคือแฮตทริกแอสซิสต์ของเขาในเกมเดียว เป็นครั้งที่ 4 ที่ทำได้ตลอดอาชีพการค้าแข้ง รวมแล้วซีซั่นนี้เขาแอสซิสต์สูงสุดใน ลีกา ทั้งสิ้น 11 ครั้ง นำหน้า กริสเตียน ปอร์ตู,หลุยส์ ซัวเรซ และ โรดรีโก้ โมเรโน่ ที่ทำไปคนละ 4 ครั้ง

     ยังมีอะไรที่ เมสซี่ จะเซอร์ไพรส์เราได้อีก ?? ผมเชื่อว่ามี ตราบใดที่เขายังเล่นฟุตบอลอยู่ และครั้งนี้ก็ถือเป็นโชคดีที่ผมได้เห็นกับตาตัวเอง

     บาร์ซ่า ชนะในสนามที่ยากลำบาก เมสซี่ ทำแฮตทริกแอสซิสต์ มันควรเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่สิ่งนึงที่ยังน่าห่วงก็คือฟอร์มของ กริซมันน์

     วันนี้เป็นอีกครั้งที่เขาเล่นไม่ดีเลย สร้างความอันตรายไม่ได้ ทั้งยังผิดพลาดอยู่บ่อยๆ

     สิ่งที่ผมเห็นจากสนามคือ กริซมันน์ พยายามทำงานหนัก ลงไปเล่นเกมรับ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดี แต่ความคาดหวังในเกมรุกเป็นสิ่งที่เขาหลีกเลี่ยงไม่ได้

     90 นาทีที่ เบติส นั้น กริซมันน์ วิ่งเยอะ แต่แทบไม่เจอบอล บางครั้งทับตำแหน่งกับเพื่อน บางครั้งไปถึงช้ากว่า ต้องมูฟตัวเองออกมาอยู่ในจุดที่ไม่อันตราย

     เมสซี่ กุมบังเ***ยนเกมรุกไว้ นั่นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้  กริซมันน์ จะไม่ได้เล่นตำแหน่งนั้น ตราบใดที่ ลา ปูลกา ยังอยู่ แต่เขาต้องเอาตัวรอดให้ได้ 

ค่าตัว 120 ล้านยูโร เอามาแลกกับการทำงานหนัก ช่วยเกมรับ วิ่งต่อบอล แค่นั้นไม่เพียงพอ เขาจะต้องพิเศษกว่านี้ให้ได้

     กริซมันน์ พยายามเล่นง่าย แต่บ่อยซะจน “มันง่ายเกินไป” สำหรับนักเตะคลาสสูงเช่นเขา

    ผมไม่รู้หรอกว่าจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร แต่ กริซมันน์ ต้องทำให้ได้ หลายเกมแล้วที่ฟุตบอลของเขาไม่ให้ความรู้สึกพิเศษกับเราเลย ยิ่งในยามที่ บาร์ซ่า ขาดแคลนกองหน้า เช่นนี้เขาต้องคว้าโอกาสให้ได้

     เมสซี่-กริซมันน์ ยังเป็นประเด็นที่คงถกเถียงกันอยู่ว่า “ไม่ยอมส่งให้” แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เลย

    ในเมื่อ เมสซี่ คือคนปล่อยบอล เขาจะปล่อยมันก็ต่อเมื่อเห็นช่องหรือความได้เปรียบ นี่คือสิ่งที่ กริซมันน์ ยังไม่อาจสร้างพื้นที่การรับส่งของตัวเองได้ ซึ่งเขาต้องรีบแล้ว เพราะขนาด เดอ ยองก์ หรือ วีดัล ยังรู้เลยว่าจะ คอนเนคกับพระเจ้าแบบไหน

badhaven.com