“แจ็กหม่า เขาเห็นเทือกเขาเป็นทอง” “แต่ว่าเวลานี้ผมมองเห็นเทือกเขามีแต่แรกเริ่มไม้” “เนื่องจาก Alibaba ณ เวลานั้นมันไม่มีตัวตน ผมไม่เห็น ผมทำแม้กระนั้นร้านค้าย่อยที่มีหน้าร้านค้าแล้วก็มองเห็นของแท้”
คุณธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสบริษัท เครือก้าวหน้าของกินของใช้ จำกัด
เล่าให้ฟังถึงเหตุผลที่ไม่ยอมรับการร่วมทุนกับ แจ็กหม่า เพื่อตั้ง Alibaba
ผ่านเวทีเปิดตัวหนังสือ “การบรรลุผล พอใจได้วันเดียว”
แต่ว่าเชื่อไหมว่า คราวหนึ่งผู้ครอบครองแบรนด์ 7-Eleven เองก็เคยละเลยความนึกคิดของเจ้าสัวธนินท์ เช่นเดียวกัน
ด้วยการไม่ยอมรับที่จะไม่ขายสิทธิแฟรนไชส์ให้ ด้วยเหตุผลที่ว่า ณ เวลานั้น
ในตอนก่อนปี พุทธศักราช 2531 ที่ 7-Eleven จะเปิดสาขาแรกในประเทศไทย
ผู้ครอบครองแฟรนไชส์ 7-Eleven ประเมินว่าประชาชนในประเทศไทยมีกำลังซื้อน้อยนิด
เพราะว่าถ้าหากเทียบเคียงลูกค้าในอเมริกา 1 คนจะมียอดซื้อ 1 ใบเสร็จรับเงินพอๆกับชาวไทย 15 คน รวมกัน
“แม้กระนั้นเขาก็ลืมคิดไปว่าเงินลงทุนพวกเราก็ถูกกว่าเขาเป็น 10 เท่า
ทั้งยังเงินลงทุนสร้างสาขา บุคลากร รวมทั้ง เงินลงทุนผลิตภัณฑ์”
ซึ่งขณะที่เจ้าสัวธนินท์ คิดจะเปิดร้าน 7-Eleven ก็มีหลายเสียงต่อต้านว่าเป็นการลงทุนที่ไม่หลักแหลมจริงๆ
“ก็เนื่องจากว่าคนฉลาดหลักแหลม เขาถูกใจอะไรที่ทำสำเร็จกล้วยๆ
แม้กระนั้นผมรู้ดีว่าธุรกิจร้านค้า 7-Eleven มันยากมากมาย แม้กระนั้นถ้าเกิดทำสำเร็จจะเป็นธุรกิจที่มีอนาคตที่จีรังยั่งยืน”
รวมทั้งเป็นอย่างที่เจ้าสัวธนินท์คิดจริงๆเนื่องจากจากรายได้ 7-Eleven ปีแรกที่มีเพียงแต่น้อยนิด
แต่ว่าผ่านไป 30 ปี 7-Eleven มีรายได้ 335,532 ล้านบาท
แล้วก็มี 10,988 สาขา มีปริมาณลูกค้า 13 ล้านคนต่อวัน
คุณธนินท์ ยังเล่าต่อว่าต่อขาน CP ไม่ใช่คนผูกขาดธุรกิจ
แม้กระนั้นเป็นผู้ริเริ่มธุรกิจใหม่ๆหลายแบบ แล้วก็ทำอย่างเอาจริงเอาจัง และก็เร็ว
เหตุผลเนื่องจากถ้าเกิดผู้ใดกันมาคราวหลัง แล้วมาทำธุรกิจชนิดเดียวกับ CP จะทิ้งห่างไปไกลมาก
ซึ่งมันแทบไม่มีทางเป็นไปได้เลย ที่จะไล่หลังทัน ไม่ได้มีความแตกต่างกับการเป็นนักมวยผู้เดียวบนเวที
“เพราะว่าถ้าหากพวกเราขึ้นเวที แล้วหกล้มลงไปกับพื้น ผู้ตัดสินนับ 10
ยืนขึ้นมา พวกเราก็ยังเป็นแชมป์อยู่ดี เนื่องจากมีพวกเราผู้เดียวที่ขึ้นเวทีทัน”
เวลาเดียวกัน ทุกธุรกิจของ CP จะสามารถเชื่อมต่อกันได้ อย่างเช่น
สารพันผลิตภัณฑ์ของกินของ CP เองก็ถูกต่อยอดเข้าไปขายอยู่ในร้านค้า 7-Eleven
เวลาเดียวกันทุกการลงทุนของเจ้าสัวธนินท์ นั้นควรเป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกับชีวิตประจำวันของคนประเทศไทย
ก็เลยไม่แปลกที่ถ้าพวกเรามองดูธุรกิจในเครือ CP ณ เวลานี้ช่างมีจำนวนมากเสียอย่างยิ่ง
อย่างเช่น เกษตรรวมทั้งของกิน, ขายปลีก, ติดต่อสื่อสารโทรคมนาคม, อีคอมเมิร์ซ, อสังหาริมทรัพย์, รถยนต์
ซึ่งในแต่ละธุรกิจนั้น CP จึงควรลงทุนด้วยจำนวนเงินมากมาย แต่ว่าทุกการลงทุนก็ย่อมมีการเสี่ยง
ต่อนี้ไปแล้วกฎที่ต้องปฏิบัติตามการชั่งน้ำหนักการลงทุนในธุรกิจแต่ละครั้งของเจ้าสัวธนินท์ ใช้คันชั่งแบบไหน ?
“ถ้าเกิดเสี่ยง 30 ได้โอกาสชนะ 70 จะตกลงใจลงมือกระทำ
แต่ว่าถ้าเป็นการลงทุนที่ใหญ่เกินความสามารถจนถึงอาจจะส่งผลให้พวกเราล้มละลาย
ถึงจังหวะชนะเปิดกว้างมากมาย ผมก็จะไม่ทำ”
อย่างไรก็ดี การบรรลุเป้าหมายอาณาจักร CP ณ วันนี้ไม่ว่าจะเป็นทั้งยังในและก็ต่างถิ่น
คุณธนินท์เองก็กล่าวว่า ตัวเขาผู้เดียวไม่มีวันที่ผลิตขึ้นมาได้
แม้กระนั้นจำต้องอาศัยบุคลากรกว่า 3 แสนคน
แล้วเคยสงสัยบางไหม เจ้าสัวธนินท์ ที่แก่ 80 ปี มีเงิน 15,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หรือคิดเป็นเงินไทยราว 463,000 ล้านบาท ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะวางมือจากธุรกิจ
“ถ้าเกิดผมท่องเที่ยว 10 ปี ก็ผ่านไปหมดคุณประโยชน์ แม้กระนั้นถ้าเกิดพวกเรามีความคิดว่าการทำงานราวกับท่องเที่ยว
ได้พบความท้าใหม่ๆตลอดระยะเวลา ก็จัดว่าเป็นสุข”
มาถึงนี้ บางทีอาจดูเหมือนกับว่าเจ้าสัวธนินท์ ที่มีเงินทองเป็นอันมาก
คงจะไขว่คว้าสิ่งที่เราเองอยากได้ และก็ต้องการทำมาหมดแล้ว
แม้กระนั้นจริงๆยังมีความต้องการในวัยเด็กอยู่อย่างหนึ่ง ที่ยังไม่เคยทำเป็นสักครั้ง
ความฝันดังที่กล่าวถึงแล้วเป็น เจ้าสัวธนินท์ ต้องการจะเป็นผู้กำกับการแสดงภาพยนตร์
คนไหนกันแน่จะไปคิดวันหนึ่งพวกเราบางทีอาจมองเห็นนักธุรกิจอายุ 80 ปี
ที่มีเงินทองเกือบจะ 5 แสนล้านบาท แสดงบทบาทเป็นผู้กำกับการแสดงภาพยนตร์ ก็เป็นไปได้
ดูบอลสด ดูบอล ต้องที่ zonedooball.com
|