[x] ปิดหน้าต่างนี้
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป   
English Chinese (Simplified) Chinese (Traditional) French German Italian Japanese Korean Portuguese Russian Spanish Vietnamese Thai     
ค้นหา   
เมนูหลัก
ติดต่อสอบถาม
blog สมาชิก
สถิติผู้เขียน blog 10 อันดับ
wave
[ มือใหม่ ]
2
admin
[ มือใหม่ ]
2
orean
[ มือใหม่ ]
2
KAT
[ มือใหม่ ]
1
yuy
[ มือใหม่ ]
1
aTon
[ มือใหม่ ]
1
fang
[ มือใหม่ ]
1
film
[ มือใหม่ ]
1
mild
[ มือใหม่ ]
1
Donus
[ มือใหม่ ]
1
บทความ blog ล่าสุดโดย
เพลงคริสต์มาสtortae
การดูแลรักษาสุภาพ ให้แข็งแรงaTon
ประเพณีวันเข้าพรรษาmild
พบจุดที่หนาวที่สุดในโลกเเห่งใหม่ !!orean
พบจุดที่หนาวที่สุดในโลกเเห่งใหม่ !!orean
อาเซียนDonus
การวาดภาพสีนำ้lovepop-123456
อาเซียนmikekung02
ลดความอ้วนสูตรนางเอก 5 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์yuy
ปรากฏการณ์ธรรมชาติMin-Mintra
ไลน์ โรงเรียนศรัทธาฯ

ติดต่อ สอบถาม

poll

   คุณคิดว่าเวปนี้เป็นอย่างไร


  1. ดีมาก
  2. ดี
  3. ปานกลาง
  4. แย่
  5. แย่มาก

  

   เว็บบอร์ด >> >>
โรคซึมเศร้า กับ ไบโพลาร์ นั้นแตกต่างกันยังไง มีคำตอบ  VIEW : 85    
โดย หยาด

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 576
ตอบแล้ว : 2
เพศ :
ระดับ : 19
Exp : 49%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 182.52.72.xxx

 
เมื่อ : พุธ ที่ 15 เดือน มีนาคม พ.ศ.2566 เวลา 15:18:56   

โรคซึมเศร้า คือโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากความผิดปกติของสารเซโรโทนินในสมองมีปริมาณลดลง
ทำให้ผู้ป่วยมีอาการทางร่างกายจิตใจและความคิด รู้สึกท้อแท้ หงอยเหงา เบื่อหน่าย ไม่สนุกสนานกับชีวิต นอนไม่หลับ สะดุ้งตื่นกลางดึก ฝันร้ายบ่อยครั้ง กระทั่งส่งผลกระทบให้ความสามารถในการทำงานลดลง และอาจตกอยู่ในภาวะรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าจนอยากฆ่าตัวตายได้ แต่จุดเด่นของโรคซึมเศร้าอยู่ที่อารมณ์เบื่อเศร้าจะค่อนข้างชัดเจน

แต่สำหรับโรคไบโพลาร์ ผู้ป่วยโรคนี้จะมีอารมณ์สองขั้ว คือภาวะแมเนียและภาวะซึมเศร้า กล่าวคือไบโพลาร์จะมีลักษณะที่มีอารมณ์ช่วงหนึ่ง สนุกสนานครื้นเครง รื่นเริง สลับกับอารมณ์ซึมเศร้าอีกช่วงหนึ่ง เราจึงเรียกไบโพลาร์ว่าโรคเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย บางคนอาจจะเรียกว่าโรคอารมณ์แปรปรวน หรือโรคคนสองบุคลิกนั่นเอง

ความแตกต่างระหว่างโรคซึมเศร้ากับโรคไบโพลาร์
จุดเด่นที่ทำให้โรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์มีความแตกต่างกันก็คือ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะรู้สึกเบื่อหน่ายและเศร้าแทบจะตลอดเวลา ขณะที่ผู้ป่วยโรคไบโพลาร์อาจมีภาวะซึมเศร้า สลับกับอารมณ์ร่าเริงเกินปกติ บุคลิกของผู้ป่วยโรคไบโพลาร์จะสลับสับเปลี่ยนกันเหมือนเป็นคนละคน เช่น เราอาจเคยเห็นเพื่อนหรือคนที่อยู่รอบข้างที่อยู่ดีๆ ก็ขยันทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย บางคนเวลาพูดคุยด้วยจะสังเกตว่าพูดมาก พูดเร็ว แต่ดูกระจัดกระจายไม่ปะติดปะต่อ เปลี่ยนเรื่องเร็วจนตามไม่ทัน บางคนที่เป็นมากอาจมีความคิดหลงผิดว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษ มีพลังอำนาจวิเศษเหนือธรรมชาติ หรือมีอารมณ์หงุดหงิดมาก ความอดทนต่ำหุนหันพลันแล่น อาจถึงขั้นอาละวาดทำร้ายคนหรือสิ่งของได้

 

วิธีสังเกตอาการระหว่างโรคซึมเศร้ากับโรคไบโพลาร์
อาการของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า : จะรู้สึกกลุ้มใจ ซึมเศร้าทุกวันและเกือบจะทั้งวัน รู้สึกเบื่อกับทุกอย่างรอบตัวเป็นประจำ ไม่อยากสังสรรค์หรือออกสังคม เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ กระวนกระวายหรือมีอาการซึมๆ เนือยๆ ไร้เรี่ยวแรง รู้สึกอ่อนเพลียง่าย เหนื่อยง่าย รู้สึกไร้ค่า ร้องไห้ง่ายโดยไม่มีสาเหตุ มีอาการใจลอย ไม่มีสมาธิ หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องเดิมๆ เบื่อชีวิต มีบางช่วงที่รู้สึกอยากตาย เป็นต้น

อาการของผู้ป่วยโรคไบโพลาร์ : มักเกิดอาการซึมเศร้าครั้งแรกในช่วงวัยรุ่นหรือวัยเรียน อีกทั้งยังมีอาการเป็นพักๆ เดี๋ยวเศร้าเดี๋ยวปกติวนไปมาหลายครั้ง ความคิดช้าลง พฤติกรรมต่างๆ ก็ช้าลงเช่นกัน รู้สึกโดดเดี่ยว ขาดกำลังใจ เหมือนกลายเป็นคนไร้ค่า มองโลกในแง่ร้ายไปหมด รู้สึกว่าโลกไม่สดใส ไม่มีอะไรน่าสนุก ไม่ร่าเริง มีอาการวิตกกังวลอย่างรุนแรง ตกอยู่ในสภาวะหลงผิด อารมณ์ผิดปกติจนอาจควบคุมความประพฤติของตัวเองไม่ได้ เป็นต้น

การรักษาโรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์

ควรไปพบจิตแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยที่ถูกต้องและรับการรักษา ในบางรายมีความจำเป็นจะต้องให้ยาปรับอารมณ์ให้คงที่ร่วมด้วย อย่างไรก็ตามคนที่เป็นโรคไบโพลาร์ ส่วนใหญ่เมื่อได้รับประทานยา อาการจะดีขึ้นจนเป็นปกติ และสามารถทำงาน ใช้ชีวิตปกติได้เหมือนไม่เคยป่วยมาก่อน

ที่สำคัญคือระวังการกำเริบของโรค เพราะผู้ป่วยไบโพลาร์ ช่วงเมเนียมักไม่คิดว่าตัวเองป่วย หากอาการดีขึ้นก็มักหยุดยาเอง ซึ่งโรคจะกำเริบได้หากรับประทานยาไม่สม่ำเสมอ รวมถึงการพักผ่อนไม่เป็นเวลา การดื่มแอลกอฮอล์และความเครียด

ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคนี้จึงไม่ควรทำงานที่พักผ่อนไม่เป็นเวลา เช่น งานที่ต้องอยู่เวรเป็นกะ และควรหลีกเลี่ยงการทำงานที่สร้างความเครียดหรือกดดันมากเกินไป อย่างไรก็ตาม อาการต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น บางครั้งอาจเกิดจากโรคอื่นๆ ที่ไม่ใช่โรคไบโพลาร์ก็ได้ ดังนั้นการไปพบจิตแพทย์จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด

https://mydeedees.com/%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%8b%e0%b8%b6%e0%b8%a1%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2-%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a-%e0%b9%84%e0%b8%9a%e0%b9%82%e0%b8%9e%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c/